วันสีเทาหม่นอีกหนึ่งวัน ในโลกสีฟ้าอันกว้างใหญ่ - วันสีเทาหม่นอีกหนึ่งวัน ในโลกสีฟ้าอันกว้างใหญ่ นิยาย วันสีเทาหม่นอีกหนึ่งวัน ในโลกสีฟ้าอันกว้างใหญ่ : Dek-D.com - Writer

    วันสีเทาหม่นอีกหนึ่งวัน ในโลกสีฟ้าอันกว้างใหญ่

    วันสีเทาหม่นอีกหนึ่งวัน ในโลกสีฟ้าอันกว้างใหญ่(Another grey day in the big blue world) อีกด้านหนึ่งของความรัก เมื่อการจากลา ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ

    ผู้เข้าชมรวม

    231

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    231

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 เม.ย. 52 / 17:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กรุ๊ง...กริ๊ง...กรุ๊ง...กริ๊ง

      เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นที่ประตูร้าน ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์และมองไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามาในร้าน

      กลิ่น กาแฟที่มาสเตอร์กำลังบด ลอยอบอวลอยู่ในร้าน ทำให้ฉันอดเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นหอมของมันไม่ได้ ถึงแม้เบื้องหน้าฉันจะมีคาปูชิโน่หอมกรุ่มวางอยู่แล้วถ้วยนึงก็ตาม...

      วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ฉันมานั่งสัมผัสบรรยากาศในร้านกาแฟร้านโปรดของฉัน หลังจากที่ฉันพบว่าตัวเองนั้นช่างว่างเปล่าเหลือเกิน

      ฉัน เพิ่งเลิกกับคนรักของฉันมาได้ 2 วัน มันเป็นการจากลาที่น่าเศร้า อาจจะฟังดูเป็นเหตุผลงี่เง่าเหลือเกิน ถ้าฉันจะบอกว่าที่เราเลิกกัน...เพราะว่าเราไม่เข้าใจกัน

      ฉันอยู่ใน ภาวะที่หมดแรงดึงดูดที่จะทำสิ่งใดๆ ซึ่งส่งผลให้รอบตัวฉันช่างเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ ไม่มีอะไรมีแรงกระตุ้นพอที่จะให้ฉันลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่างๆในวันหยุดเหมือน แต่ก่อน...

      ฉันเลยถือโอกาสให้ตัวเองได้พักผ่อนเพียงลำพังเสียบ้าง หลังจากที่พบเรื่องต่างๆมามากมาย จึงปล่อยตัวเองอยู่ในร้านกาแฟเจ้าประจำ ที่ฉันชอบมาทานตั้งแต่สมัยเรียน

      เวลาที่ฉันต้องการพักผ่อน ฉันชอบมานั่งที่ร้านนี้ โต๊ะริมหน้าต่างตัวที่สอง...โต๊ะประจำของฉัน ซึ่งดูเหมือนว่ามาสเตอร์จะสงวนโต๊ะนี้ไว้ให้ฉัน เพราะเมื่อใดที่ฉันมา...มันจะว่างอยู่เสมอ ฉันคิดเอาเองน่ะ

      ฉันทอดสาย ตาผ่านกระจกออกไปนอกร้านอีกครั้งหนึ่ง มองดูผู้คนที่กำลังเดินอย่างขวั่กไขว่ โดยส่วนมากถ้าไม่ใช่คู่รัก ก็เป็นกลุ่มเพื่อนฝูงที่ชวนกันมาเที่ยว น้อยคนนักที่จะเดินคนเดียวในย่านนี้

      ท้อง ฟ้าที่เคยสดใส เริ่มก่อตัวด้วยเมฆสีเทา เป็นลางบอกเค้าว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า ถ้าเป็นปกติฉันควรจะรีบทานกาแฟให้หมดแล้วรีบกลับบ้านเสียก่อนที่ฝนจะตก เพราะฉันไม่ได้นำร่มมา

      แต่สำหรับวันนี้ ฉันอยากจะปล่อยตัวเองเป็นอิสระจากความเคยชิน ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ฉันต้องรีบกลับบ้านเพียงเพราะฝนจะตก ยังไงเสียฉันก็ไม่มีสิ่งใดต้องทำอยู่แล้ว

      กลิ่นขนมปังอบเนยหอมกรุ่นออกมาจากเตา... ภรรยามาสเตอร์เพิ่งอบมันเสร็จ กลิ่นของมันยังคงหอมเหมือนก่อนไม่มีผิด...

      ระหว่าง ที่ฉันกำลังเหม่อลอย ย้อนรำลึกไปถึงอดีต รู้สึกตัวอีกที ภรรยามาสเตอร์ก็ถือจานใส่ชิ้นขนมปังที่เธอเพิ่งอบเสร็จเมื่อซักครู่เดินมา ทางฉัน

      "วันนี้ไม่รีบกลับบ้านก่อนฝนตกหรอจ้ะ?" เสียงนุ่มๆอันอบอุ่นของเธอถามฉัน

      "ไม่หรอกค่ะ วันนี้หนูอยากพักผ่อนซักวัน" เธอได้ฟังดังนั้นก็ยิ้ม ก่อนที่จะวางจานขนมปังไว้บนโต๊ะ

      "เพิ่งอบเสร็จน่ะจ้ะ กำลังร้อนๆเลยเชียว ลองทานดูละกันนะจ้ะ เป็นบริการพิเศษจากพี่เองจ้ะ"

      "ขอบคุณมากค่ะ" ฉันก้มหัวขอบคุณเธอ ซึ่งเธอก็พยักหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปหลังเคาเตอร์

      เม็ดฝนค่อยๆหยดลงมาจากกลุ่มเมฆสีเทาเหล่านั้น ทีละน้อยๆ จนมากขึ้น ผู้คนที่เดินกันอยู่ต่างค่อยๆหายไปจากท้องถนนที่เคยเต็มไปด้วยผู้คน

      ฉัน หยิบชิ้นขนมปังขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และทานมัน มันยังคงอร่อยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เต็มไปด้วยรสชาติของความเอาใจใส่ และพิถีพิถันของภรรยามาสเตอร์

      ขนมปังชิ้นนี้ทำให้ฉันนึกไปถึงครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเขา แฟนของฉัน จะว่าเราพบกันเพราะขนมปังก็ว่าได้

      ใน ตอนนั้นเขามาซื้อขนมปังทาน แต่บังเอิญว่าชิ้นสุดท้ายนั้นฉันเป็นคนซื้อไปก่อนหน้าเขาเพียงไม่กี่นาที ทำเอาเขาบ่นอุบอิบด้วยความเสียดายที่ตัวเองมาช้าเกินไป

      ฉันจึงยื่นขนม ปังที่ฉันซื้อให้เขาไป เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากทานอะไรถึงขนาดนั้น แค่จะซื้อไว้ทานตอนเช้าเท่านั้นเอง ซึ่งเขาก็รับไว้พร้อมยิ้มขอบคุณในน้ำใจที่ฉันมอบให้กับเขา

      หลังจาก นั้นเราก็ทำความรู้จักกันเรื่อยมา จนกระทั่งเขาขอฉันคบเป็นแฟน เมื่อเราคบกันทุกสิ่งต่างก็แต่งแต้มไปด้วยสีสันของความสุข แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเราต่างก็เริ่มเรียนรู้จักกันและกันมากขึ้นและพบ ข้อเสียของกันและกัน

      เขาเป็นคนค่อนข้างคิดมาก ใจร้อน ในขณะที่ฉันไม่ค่อยแสดงความรู้สึก และชอบที่จะอยู่กับโลกส่วนตัวมากกว่า เลยดูเหมือนว่าฉันเย็นชา ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่

      ในหลายๆครั้งเราขัด แย้งกันเพราะฉันชอบอยู่ในโลกส่วนตัว และเขาชอบคิดมาก แต่เราต่างก็ประคับประคองกันมา จนเวลาล่วงเลยผ่านมาได้ 5 ปี เขาและฉันต่างก็มีภาระงาน และมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

      แต่กระนั้น นิสัยฉันและเขาก็ยังเปลี่ยนไปไม่มากเท่าไหรนัก จนมาถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน เขามาสารภาพกับฉันว่าเขารู้สึกเหมือนตัวเขาไม่ใช่แฟนของฉัน เป็นเพียงคนที่อยู่ข้างๆ และฉันไม่ได้สนใจ

      เขาบอกเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตลอดเวลา 5 ปี ที่ได้คบกัน บอกความรู้สึกที่เขาคิดและพยายามสื่อให้ฉัน แต่ดูเหมือนฉันจะไม่สนใจและไม่ได้สนองตอบเขากลับไป

      แต่สำหรับฉัน 5 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ถึงแม้ฉันจะยอมรับว่า ฉันค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง แต่ฉันก็ให้ความสนใจเขา และตอบสนองเขาเท่าที่ฉันพอจะแสดงออกไปได้

      เราพยายามปรับความเข้าใจ แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถสื่อเรื่องราวกันได้เท่าไหรนัก เพราะเขาค่อนข้างใจร้อน และฉันแสดงความรู้สึกออกไม่เก่งเท่าไหรนัก

      เขา คาดคั้นให้ฉันอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ยิ่งพูด เรื่องราวก็ยิ่งดูเหมือนห่างไกลออกไป เมื่อฉันไม่สามารถสื่อสิ่งที่ฉันคิดออกไปได้เท่าที่ควร

      จนในที่สุด ฉันกับเขาก็ลงเอยด้วยการลาจาก... เป็นการลาจากที่เราต่างไม่เข้าใจ และต่างฝ่ายต่างเดินแยกทางกันไป

      นี่ ก็ผ่านไป 2 วันแล้วที่เราได้เลิกกัน ฉันยอมรับว่าฉันยังคงคิดถึงภาพและวันเวลาเก่าๆอยู่เสมอ ในเวลาที่ฉันเหม่อลอยและไม่ได้ทำสิ่งใด

      ฉันคงจะไม่โกหกตัวเองหรอก ว่า ฉันยังคงรักเขาอยู่ และถ้ามีโอกาสอีกครั้งฉันอยากจะสื่อความรู้สึกของฉันให้เขาได้รับรู้ แสดงออกให้มากกว่านี้ เผื่อว่ามันอาจจะจบลงในทางที่ดีกว่านี้...

      กรุ๊ง...กริ๊ง...กรุ๊ง...กริ๊ง ซ่า~~~~ซ่า~~~~ซ่า~~~~~~

      เสียงกระดิ่ง ของประตูร้านที่เปิดขึ้น นำพาเสียงของสายฝนที่ตกกระหน่ำตอนนี้เข้ามาในร้านด้วย และมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน และเดินไปยังเคาเตอร์

      กลิ่นกาแฟบดหอมกรุ่น อบอวลในร้านอีกครั้งหนึ่ง ทำเอาฉันเหม่อลอยและเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นนั้น

      " ผมว่าคุณอย่าทานกาแฟเย็นๆนั่นเลย คุณน่าจะทานกาแฟร้อนๆมากกว่านะในตอนที่อากาศแบบนี้" เสียงที่คุ้นเคยกล่าวกับฉัน ก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวและสังเกตว่ากาแฟของฉันนั้นเย็นไปนานแล้ว

      "เวลา 5 ปี สำหรับผมแล้ว มันมีค่ามากกว่าที่จะจบลงเพราะความไม่เข้าใจกันนะ คุณคิดอย่างนั้นไหม?" เสียงที่คุ้นเคยนั้นถามกับฉัน ก่อนที่ฉันจะหันไปมองเขาและยิ้มอย่างมีความสุขออกมา

      ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีเทาอยู่เมื่อซักครู่ ได้มีแสงอาทิตย์สาดแสงอันสดใสลงมาอีกครั้ง และเริ่มวันที่สดใสขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

      "ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ...มันมีค่ามากจริงๆ" ฉันตอบกลับไป ด้วยความรู้สึกจากใจของฉันจริงๆ

      กรุ๊ง...กริ๊ง...กรุ๊ง...กริ๊ง

      เสียงกระดิ่ง ประตูร้านดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ไม่ใช่ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินเข้ามา แต่เป็นชายหญิงคู่หนึ่งที่เพิ่งเดินจับมือออกไปด้วยสีหน้าเปี่ยมความสุขที่ สุด

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×